สร้อยทอง เป็นทองรูปพรรณที่มีมูลค่า และเป็นทรัพย์สินที่ขายดีอันดับต้นๆ ไม่แพ้กับเครื่องประดับทองอันอื่นๆ เนื่องจากสร้อยทองเป็นเครื่องประดับแรกๆ ที่เหล่าคนเริ่มซื้อทองหันมาซื้อขายกัน แต่การจะเลือกซื้อสร้อยทอง ทองรูปพรรณสักเส้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะราคาสร้อยทองเองก็ไม่ใช่ถูกๆ ยิ่งถ้าคุณเป็นมือใหม่หัดซื้อทอง หรือคนที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อสร้อยทองต้องเลือกแบบไหน วันนี้ ห้างทองซิงแสงนภา รวบรวมวิธีเลือกซื้อสร้อยทองมาฝาก

1) เลือกน้ำหนักทองรูปพรรณ

น้ำหนักของทองรูปพรรณถือเป็นปัจจัยอันดับแรกในการตัดสินใจซื้อ โดยคุณควรเดินทางไปเช็คน้ำหนักทองด้วยตัวเอง ให้ร้านห้างทองชั่งน้ำหนักทองให้คุณดู และถ้าทางร้านทองออกใบรับประกันทองให้คุณ จะต้องมีรายละเอียดน้ำหนักลงในใบประกันด้วย

โดยน้ำหนักของทองรูปพรรณจะมีหน่วยเป็นกรัม และน้ำหนักหน่วยกรัมนี้เป็นจุดที่ทางร้านนำมาคิดราคาทอง ดังนั้นก่อนที่คุณจะซื้อทองควรเช็คน้ำหนักให้แน่ชัด โดยราคาทองทางร้านจะติดป้ายหรือบอกน้ำหนักของทองพร้อมราคาอยู่หน้าร้านเสมอ

2) ลวดลายบนสร้อยทอง

อย่างถัดมาคือ ลวดลายสร้อยทอง โดยลวดลายของสร้อยทองมีผลต่อความแข็งแรง ทนทาน ของทองอีกด้วย ซึ่งลวดลายสร้อยที่มีความแข็งแรงจะมีลักษณะเส้นหนา มีน้ำหนัก ได้แก่ ลายเปีย, ลายสี่เสา, ลายหกเสา, ลายกระดูกงู, ลายเบนซ์, ลายซีตรอง และลายสร้อยทองที่บาง โปร่ง น้ำหนักเบา ส่วนใหญ่จะมีลักษณะห่วงกลมคล้องต่อๆ เช่น ลายประคำคั่นโซ่, ลายไข่ปลา, ลายปล้องอ้อย, ลายโซ่, ลายทาโร่, ลายฟิชโช่

ทั้งนี้ลวดลายของสร้อยทองคุณควรเลือกตามความชอบส่วนตัว และเลือกสร้อยทองที่มีความแข็งแรงทนทาน เพื่อให้อายุการใช้งานของสร้อยทองสามารถใช้ได้นาน เพื่อความคุ้มค่ากับราคาที่คุณจ่ายไป

3) คุณภาพของทองรูปพรรณ

ก่อนจะตัดสินใจซื้อสร้อยทอง หรือทองรูปพรรณ คุณควรตรวจสอบตำหนิหรือรอยชำรุดของทอง ที่ทางเจ้าของร้านนำมาให้คุณดู ว่ามีจุดไหนที่ชำรุดไหม มีจุดที่ถลอก หรือลวดลายที่เบี้ยว หรือผิดแปลกไป แนะนำให้ดูจุดที่คาดว่ามีโอกาสจะชำรุด จุดที่แตกหักง่าย ไม่ว่าจะเป็นตามข้อต่อ ตรงตะขอ และขอย้ำอีกครั้งว่าควรเช็คให้แน่ชัดก่อนจะหยิบเงินจ่ายกับเจ้าของร้านทอง

4) ค่ากำเหน็จทองรูปพรรณ

ค่ากำเหน็จ คือ ค่าผลิตทองคำรูปพรรณให้เป็นลวดลายต่างๆ รวมถึงค่าการตลาดของผู้ประกอบธุรกิจร้านทอง ซึ่งราคาของค่ากำเหน็จจะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของการผลิตทองรูปพรรณ อย่างเช่น ทองรูปพรรณมีน้ำหนักเท่ากัน แต่ลวดลายมีความต่างกัน มีลวดลาย มีตุ้งติ้ง ซึ่งการผลิตจะยากกว่าแบบธรรมดา ทำให้ค่าทอง + ค่ากำเหน็จ เข้าไปด้วย

ทั้งนี้คุณควรสอบถามกับพนักงานให้แน่ชัด ว่าสร้อยทองที่คุณจะซื้อค่าทองเท่าไหร่ และค่ากำเหน็จเท่าไหร่ เพื่อให้คุณและทางร้านเข้าใจราคาตรงกัน

5) ราคาทอง ณ ปัจจุบัน

การดูราคาทอง ณ วันนั้น ๆ ก็เป็นเรื่องที่ควรทราบก่อนกำเงินบึ่งเข้าร้านทอง เพราะจะบอกเลยว่าราคาทองผันผวนอยู่ตลอดเวลาชนิดที่วิ่งตามยังไม่ทันเลย ซึ่งปัจจัยหลัก ๆ คือ

●  อัตราการขึ้นลงของเงินดอลลาร์สหรัฐ เงินดอลลาร์เป็นเงินที่ใช้เป็นสื่อกลางและเป็นสกุลเงินที่มีการซื้อ - ขาย เป็นจำนวนมาก จึงทำให้ค่าเงินดอลลาร์มีความผันผวนกับราคาทอง หากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงก็จะทำให้ราคาทองมีราคาสูงขึ้น ซึ่งการซื้อทองเหมือนเป็นการป้องกันความเสี่ยงของมูลค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือหากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ก็จะส่งผลให้ราคาทองมีราคาลดลง เพราะนักลงทุนจะหันมาใช้จ่ายหรือลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์แทนนั่นเอง

●  ราคาน้ำมัน และราคาทองจะมีความเคลื่อนไหวและมีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกัน และมีผลกระทบต่อราคาสินค้าค่อนข้างมากเพราะเป็นตัวที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อ

●  อุปสงค์ อุปทาน (Demand/Supply) โดยอ้างอิงตามหลักเศรษฐศาตร์

อุปสงค์ คือ ความต้องการใช้หรือซื้อทองคำมีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งปัจจัยนี้ไม่ใช่เพียงแต่ความต้องการของทองคำเท่านั้น ยังสามารถใช้กับสินค้าอื่น ๆ บนโลก เช่น ความต้องการของคนซื้อทองในช่วงเทศกาลพิเศษที่เห็นได้ชัดเลยในประเทศไทยคือ เทศกาลตรุษจีน ก็ส่งผลให้ราคาทองคำมีมูลค่าที่สูง

อุปทาน คือ ความต้องการในการขายทองคำ ซึ่งจะมาจาก 3 กลุ่มหลัก ผลผลิตทองคำ ธนาคารกลางแต่ละประเทศ และปริมาณทองคำที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ ซึ่งเช่นเดียวกันกับอุปสงค์ หากมีความต้องการขายทองคำสูง มูลค่าทองคำก็จะมีราคาที่ต่ำลง

6) ไลฟ์สไตล์ของคนใส่ก็สำคัญ

ในข้อนี้ถือเป็นจุดที่หลายคนลืมนึกถึง ไม่ได้เอาไลฟ์สไตล์ พฤติกรรมของคนใส่มาตัดสินใจในการซื้อสร้อยทอง เพราะบางคนชอบใส่สร้อยทองอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ถอด ทั้งใส่ตอนอาบน้ำ ตอนนอน ตอนเล่นกีฬา ซึ่งทองบางลายอาจไม่เหมาะกับพฤติกรรมเช่นนี้ หรือลวดลายทองที่เป็นตุ่มๆ บางคนใส่แล้วทำให้ใช้ชีวิตไม่สะดวก

หรือสำหรับใครที่ไม่ได้ใส่สร้อยทองบ่อยๆ ใส่บ้าง ถอดบ้าง ก็ควรเลือกสร้อยทองที่ถอดออกจากศรีษะได้ง่าย ไม่ต้องมาบิดตะขอที่เป็นเหตุให้ตะขอชำรุด ดังนั้นแนะนำให้เลือกลายที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนใส่ เพื่อการใช้งานที่คุ้มค่า

7) ร้านทองที่ได้มาตรฐาน

และอย่างสุดท้ายในการเลือกซื้อทองรูปพรรณ นั่นก็คือ ร้านที่ได้มาตรฐาน แม้ทุกวันนี้จะมีร้านทองที่สามารถซื้อออนไลน์ได้ แต่ก็ต้องระวังให้ดี เพราะเดี๋ยวนี้เหล่ามิจฉาชีพก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน แนะนำให้เลือกซื้อร้านทองจากร้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย และควรเป็นร้านที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และควรเลือกร้านที่มีประกาศ ราคาทองหน้าร้าน ที่ถาดโชว์ทองและที่ชิ้นทองควรมีติดป้ายแจ้งน้ำหนักทอง, ประเภททองคำ, เปอร์เซ็นต์ทอง อย่างชัดเจน